จักรวรรดิไรซ์ที่ 3ของฮิตเลอร์ ของ ประวัติศาสตร์เยอรมนี

ดูบทความหลักที่: นาซีเยอรมนี

ระบอบนาซีได้รื้อฟื้นความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจและยุติการว่างงานที่ได้ขยายเป็นวงกว้างโดยใช้ค่าใช้จ่ายอย่างหนักทางด้านการทหาร ในขณะที่ได้ทำการปราบปรามสหภาพแรงงานและการนัดหยุดงาน การกลับมาของความมั่งคั่งได้ให้ความนิยมต่อพรรคนาซีเป็นอย่างมาก กับเพียงรองลงมา, ความโดดเดี่ยวและต่อมากรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จของการต่อต้านระหว่างชาวเยอรมันในช่วงเวลา 12 ปี ที่ผ่านมาของการปกครอง เกสตาโพ(ตำรวจลับ)ภายใต้การนำของไฮน์ริช ฮิมเลอร์ ได้กำจัดคู่แข่งทางการเมืองและข่มเหงต่อชาวยิว, ได้พยายามที่จะบังคับพวกเขาให้ถูกเนรเทศ ในขณะที่ได้ยึดทรัพย์สินของพวกเขา พรรคได้เข้าควบคุมอำนาจศาล, รัฐบาลท้องถิ่น และองค์กรพลเรือนไว้ทั้งหมดยกเว้นเพียงโบสถ์คริสตจักรโปรเตสแตนต์และคาทอลิก การแสดงออกของความคิดเห็นสาธารณชนทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์ โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ ผู้ที่ทำด้วยการใช้ภาพยนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ชุมนุมประชาชน และการกล่าวสุนทรพจน์ที่อันต้องมนต์สะกดของฮิตเลอร์ รัฐนาซีที่ได้เทิดทูนฮิตเลอร์ในฐานะที่เป็นฟือเรอร์(ผู้นำ) ทำให้อำนาจทั้งหมดได้ตกอยู่ในมือของเขา โฆษณาชวนเชื่อนาซีได้กล่าวเน้นต่อฮิตเลอร์และเป็นประสิทธิภาพอย่างมากในการสร้างสิ่งที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า "ตำนานฮิตเลอร์"—ว่าฮิตเลอร์เป็นผู้รอบรู้ทั้งหมดและความผิดพลาดหรือความล้มเหลวใดๆของผู้อื่นจะได้รับการแก้ไขเมื่อได้รับความสนใจจากเขา[1] ในความเป็นจริง ฮิตเลอร์มีวิสัยแคบของผลประโยชน์และการตัดสินใจได้ถูกทำให้กระจายไปมาท่ามกลางความทับซ้อน วางอำนาจตัวเองเป็นศูนย์กลาง; ด้วยประเด็นบางอย่างที่เขาเป็นคนที่มีความอดทน เพียงแค่ยอมรับแรงกดดันจากใครก็ตามที่มีหูของเขา บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้รายงานต่อฮิตเลอร์และติดตามผลนโยบายพื้นฐานของเขา แต่พวกเขามีอิสระอย่างมากในแต่ละวัน[2]

การก่อตั้งระบอบนาซี

ในคำสั่งเพื่อความปลอดภัยส่วนใหญ่สำหรับพรรคนาซีของเขาในรัฐสภาไรชส์ทาค ฮิตเลอร์ได้เรียกร้องสำหรับการเลือกตั้งใหม่ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1933 อาคารไรชส์ทาคถูกลอบวางเพลิง ฮิตเลอร์ได้กล่าวประณามถึงการลุกฮือของพวกคอมมิวนิสต์อย่างรวดเร็ว และเชื่อมั่นว่าประธานาธิบดีฮินเดินบวร์คจะลงนามกฤษฎีกาเพลิงไหม้ไรชส์ทาค ซึ่งได้ทำการยกเลิกเสรีภาพของพลเรือนชาวเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงสิทธิในการชุมนุมและเสรีภาพในการเรียกร้อง กฤษฎีกาฉบับนี้ได้อนุญาตให้ตำรวจสามารถกักขังบุคคลโดยไม่มีการเรียกเก็บเงินหรือได้รับอำนาจของศาล สมาชิกสี่พันคนของพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมนีถูกจับกุม การปลุกปั่นของคอมมิวนิสต์ได้ถูกห้าม แต่ในช่วงเวลานี้ไม่ใช่พรรคคอมมิวนิสต์เอง พวกคอมมิวนิสต์และพวกสังคมนิยมถูกส่งไปยังค่ายกักกันนาซีที่ได้ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้อย่างเร่งรีบ เช่น ค่ายกักกันเคมนา ที่พวกเขาอยู่ภายใต้ความเมตตาของเกสตาโพ กองกำลังตำรวจลับที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ สมาชิกรัฐสภาไรชส์ทาคคอมมิวนิสต์ได้ถูกนำตัวไปอยู่ภายใต้การคุ้มครอง (แม้พวกเขาจะมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ)

แม้ว่าด้วยความหวาดกลัวและโฆษณาชวนเชื่อที่คาดไม่ถึง การเลือกตั้งทั่วไปครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1933 ในขณะที่ผลลัพธ์ใน 43.9% ได้ล้มเหลวในการให้คะแนนเสียงส่วนมากสำหรับพรรคนาซี(NSDAP)ที่ฮิตเลอร์คาดหวัง ร่วมกับพรรคประชาชนแห่งชาติเยอรมัน(DNVP) อย่างไรก็ตาม เขาสามารถสร้างเสียงข้างน้อยของรัฐบาลได้ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1933 รัฐบัญญัติมอบอำนาจ, ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญไวมาร์ ซึ่งผ่านการลงมติในรัฐสภาไรชส์ทาคโดยคะแนนเสียง 444 ต่อ 94

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ประวัติศาสตร์เยอรมนี http://www.amazon.com/Germany-Long-Road-West-v/dp/... http://www.amazon.com/Gold-Iron-Bismark-Bleichrode... http://www.amazon.com/Hitler-Nazi-Germany-History-... http://www.amazon.com/The-Peoples-State-Society-Ho... http://www.amazon.com/dp/0472069748/ http://www.amazon.com/dp/0521168643/ http://www.amazon.com/dp/0521168651/ http://www.amazon.com/dp/063123196X/ http://www.complete-review.com/reviews/economic/to... http://books.google.com/books?id=KPdBAAAAIAAJ&dq=i...